เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ ม.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเริ่มต้นเด็กไปวัดไปวา เราสั่งสอนมัน เด็กมันทำของมันได้ อันนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม สังคมเราจะปลูกฝังไว้กับเยาวชนของเรา เยาวชนของเราต้องมีวัฒนธรรม เยาวชนของเราต้องรู้ถึงประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ

ทีนี้ประเพณีวัฒนธรรมนั้นเป็นเรื่องประเพณีวัฒนธรรม แต่ก่อนเราเห็นแต่การศึกษามากๆ เรื่องศีลธรรมเราสอนต่ำลง เดี๋ยวนี้กลับมาฟื้นฟูใหม่ให้เด็กได้ท่องจำ เดี๋ยวนี้ประวัติศาสตร์ เรื่องประวัติพระพุทธศาสนา เด็กมันต้องรู้ของมัน รู้ของมันเป็นพื้นฐาน นี่ความจำๆ

ถ้าเป็นความจริง เด็กที่คิดได้ เด็กที่คิดได้ที่มันมาจากพื้นฐานที่ดีงาม พื้นฐานที่ถูกต้อง ความคิดนั้นมันจะมีพื้นฐาน ความคิดนั้นมันจะถูกต้องดีงาม เด็กไม่มีพื้นฐาน ถ้ามันคิดเองมันก็คิดประสาของมัน ไม่มีพื้นฐาน

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เวลาเราต้องขอศีลๆ อาราธนาศีล อันนั้นเป็นประเพณีวัฒนธรรม

แต่เวลาวัดปฏิบัติ วัดปฏิบัติมันมีน้อยนะ ถ้ามันมีน้อยขึ้นมา ทำไมถึงวัดปฏิบัติ วัดปฏิบัติมันมีข้อวัตรของมัน ถ้าวัดปฏิบัติขึ้นมา เราเข้าวัดเข้าวาแล้ว วัดปฏิบัติเขาต้องการความสงบความระงับของเขา ถ้าความสงบระงับของเขา พระเขาจะภาวนาของเขา ถ้ามันเป็นภาระเป็นความรุงรังของเขา พระที่เขาออกไปวิเวกกัน วิเวกกันก็ต้องการกาลเวลา

เวลาพูดถึงในพระไตรปิฎก พระเป็นนักบวช พระเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติทางที่กว้างขวาง เราเป็นฆราวาส เราเป็นฆราวาส ทางประพฤติปฏิบัติเราทางคับแคบ คับแคบเพราะหน้าที่การงานของเรามันแย่งชิงของเราไป

แต่เวลาคนเกิดมา คนเกิดมาก็ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าคนมีปัจจัยเครื่องอาศัย สิ่งที่เราแสวงหา แสวงหามาเพื่อดำรงชีพ ดำรงชีพขึ้นมาแล้วมันก็ยังทุกข์ยังยากของมัน ธรรมและวินัยนี้ทำให้จิตใจของเรามันพ้นจากความทุกข์ความยากนี้ไป ถ้ามันยังไม่พ้นจากความทุกข์ความยากนี้ไป เราก็พยายามสร้างสมบารมีของเราๆ วันพระ วันพระเราไปวัดไปวากัน เราจำศีลของเรา

เวลาสัตว์นะ เวลาพวกสัตว์มันจำศีลๆ สัตว์จำศีลเพราะมันไม่มีอาหาร สัตว์จำศีลเพราะมันไม่มีอาหาร พันธุกรรมของมัน มันพัฒนาของมัน จนถึงเวลามันจำศีลของมัน หมี หมีขั้วโลก หมีต่างๆ มันจำศีล แต่หมีในเขตร้อนมันไม่จำศีลเพราะอาหารมันสมบูรณ์ อาหารสมบูรณ์มันดำรงชีพของมันได้ไง

แต่ของเรา เราเป็นมนุษย์ เราเป็นมนุษย์ขึ้นมา เราไปวัดไปวาเราไปจำศีลของเราๆ จำศีลของเราก็ไปตรวจสอบความผิดพลาดของเรา ใช้ชีวิตของเรา เรามีความผิดพลาดสิ่งใดมาบ้าง

เวลาเราไปจำศีล ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีศีลมันเรื่องกรองในหัวใจของเรา เราทำผิดพลาดสิ่งใด แล้วเวลาเราทำผิดพลาดสิ่งใด เราทำดีงามของเรา ออกไปแล้วเราจะมีสติปัญญาทำแต่ความดีงาม เวลาออกไปแล้ว ด้วยภาระรับผิดชอบเรื่องสังคมมันก็บีบคั้น นี่บีบคั้น

เรามาจำศีลๆ จำศีลเพื่อบุญกุศลของเรา จำศีลเพื่อมาชาร์จแบตของเรา แบตของเรามันจะหมด ชีวิตของเรามันทุกข์มันยาก ชีวิตของเรามันมีปัญหา เราก็ไปตรวจสอบ ไปต่างๆ ของเรา นี่คือการจำศีล จำศีลขึ้นมา พอมีศีลขึ้นมา เราฝึกหัดทำสมาธิของเราขึ้นมา ถ้าทำสมาธิของเราคือจิตมันสงบไง

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาคนเกิดมาเหมือนเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ตั้งแต่ติดเครื่องแล้วมันดับไม่ได้เลย เครื่องยนต์ที่ไม่เคยดับเลยมันชำรุดเสียหาย ถ้าเครื่องยนต์ที่มันดับแล้ว พอมันดับของมัน มันพักของมัน เวลามันติดเครื่องขึ้นมา เครื่องมันจะมีกำลังของมัน

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมา ตั้งแต่ติดเครื่องตั้งแต่วันเกิด ความคิดไม่เคยหยุด เวลาไปนอนพักผ่อนมันก็ฝันของมัน มันก็มีความคิดของมัน แต่ถ้าเราดับเครื่องของเราได้ ถ้าดับเครื่องของเราได้มันเกิดความมหัศจรรย์นะ ถ้าเกิดความมหัศจรรย์ ดับเครื่องของมันได้

รถ รถเวลาเราจะติดเครื่องมันต้องปลดเกียร์ว่าง ถ้าไม่เกียร์ว่าง พอติดเครื่องขึ้นมารถมันจะวิ่งไปข้างหน้าเลย

นี่ก็เหมือนกัน ความคิดของเรามันสืบต่อของมันตลอดเวลา ถ้าเราดับเครื่องได้ เราปลดเกียร์ว่างได้ รถของเรามันจะใช้งานได้มากขึ้น รถของเราจะบำรุงรักษาก็ได้ นี่ถ้าทำสมาธิไง

ถ้าสมาธิแล้วเกิดปัญญาๆ ขึ้นมา ปัญญาที่เกิดจากการใคร่ครวญในชีวิตของเรา ถ้าใคร่ครวญในชีวิตของเรา ชีวิตของเรามีคุณค่าแค่ไหน มันมีคุณค่ามากๆ มีคุณค่ามากๆ

ของที่มีคุณค่า พอเราไปคุ้นชินกับมันแล้วมันไม่มีค่าเลย เห็นไหม ดูสิ เวลาเขาขาดแคลนนะ แหล่งน้ำที่เขาไปแจกกันมันมีคุณค่ามาก ไม่ให้ตกดินแม้แต่หยดเดียวเลยนะ เพราะน้ำมันหายากๆ คนอยู่ที่แหล่ง อยู่ที่แม่น้ำ มันเห็นน้ำทุกวันเลย

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่หายากๆ ชีวิตของเรามันมีคุณค่ามาก แต่เราคุ้นเคยกับมันไง ชีวิตก็คือของเรา เราเกิดมาแล้วเป็นสิทธิของเรา เราทำสิ่งใดก็ได้ เราทำเพื่อความสะดวกของเรา สะดวกก็คือกิเลสไง แต่ถ้าเรามีศีลมีธรรมมันช่วยตรวจสอบ นี่มันมีคุณค่าของเรา เราจะเห็นคุณค่าของเราขึ้นมา ชีวิตมีคุณค่ามากๆ

สุขภาพกาย เดี๋ยวนี้โลกมันเจริญขึ้นมา เขาจะสอนให้มนุษย์ให้ออกกำลังกาย ให้มนุษย์รักษาสุขภาพให้ดี ถ้าสุขภาพที่ดี สุขภาพที่ดีมันก็สุขภาพของคนคนนั้น แล้วสุขภาพที่ดีมันก็เป็นสุขภาพที่ดีของสังคม สังคมก็ไม่เป็นภาระดูแล รัฐบาลงบประมาณก็ใช้จ่ายน้อยลง มันดีไปหมดเลยถ้ามันรู้ว่าดี

แต่ถ้ามันไม่รู้ไง มันไม่รู้ว่าดี สุขภาพกายที่ดี สุขภาพกายที่แข็งแรง ชาติที่เจริญแล้ว ทรัพยากรมนุษย์ของเขาต้องแข็งแรง ทรัพยากรมนุษย์ของเขาต้องมีสติมีปัญญา เราต้องศึกษากันมา ให้ธรรมเป็นทานๆ ให้ธรรมเป็นทาน มีการศึกษาๆ

เวลาครูอาจารย์สมัยโบราณเป็นพ่อเป็นแม่คนที่สองนะ เขาดูแลลูกศิษย์ของเขา เขาไปเยี่ยมลูกศิษย์ของเขา เขาพยายาม ผิดพลาดสิ่งใดแก้ไขไปหมดเลย แม่คนที่สอง เด็กกลัวมาก เดี๋ยวนี้ครูอัตราจ้าง ครูเขามีอาชีพของเขา

เดี๋ยวนี้ครู นักเรียน ทำตามหน้าที่ นักเรียนก็มีหน้าที่เรียน ครูก็มีหน้าที่สอน แล้วก็ต่างคนต่างเข้าบ้านไป นี่ไง เราห่างกันไป เราห่างกันไปเฉยๆ

ถ้าเป็นศีลเป็นธรรมมันเป็นความดีงามทั้งสิ้น ถ้ามันเป็นศีลเป็นธรรมมันดีงาม ชีวิตมีค่า ถ้าชีวิตมีค่าขึ้นมา เราจะหาสิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตของเรา

ลูกหลานของเรานะ หลวงตาท่านพูดบ่อย ลูกหลานของเรา เราไม่เคยเอาเหล้าเอายาป้อนมันเลย เอาแต่อาหารที่ดีๆ ป้อนมัน เวลาลูกเล็กๆ ลูกเด็กแดงทารกของเรา อาหารต้องอาหารชั้นดี ต้องมีคุณภาพที่ดี

นี่ก็เหมือนกัน เราจะเลี้ยงดูลูกหลานของเรา เราจะให้สิ่งที่ดีงาม แล้วหัวใจของเราล่ะ

หัวใจของเรา ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมามันจะมีความดีงามของมัน ถ้าความดีงามของมัน ถ้าความดีงามแล้วมันจะสูงมันจะต่ำมันอยู่ที่อำนาจวาสนานะ คนเราจะสูงจะต่ำแต่จิตใจที่มันดีงาม คุณค่าอันนั้นน่ะ คุณค่าของน้ำใจอันนั้นมันดีงาม

แล้วถ้าเรามาประพฤติปฏิบัติ เราจะมาวัดมาวาขึ้นมา จะสูงจะต่ำมาขนาดไหน มาอยู่วัดแล้วเสมอกัน เราจะมีการศึกษามากน้อยแค่ไหน เราจะมียศถาบรรดาศักดิ์แค่ไหน เวลาบวชแล้วเท่ากัน เวลาเท่ากันมันเท่ากันด้วยศีล ๒๒๗

แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป เวลาเป็นสมาธิขึ้นมา สมาธิไม่มีหญิงไม่มีชาย หญิงก็เป็นสมาธิได้ ชายก็เป็นสมาธิได้

เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป ดูสิ เอตทัคคะ ผู้ที่เลิศมีความฉลาดในทางแขนงต่างๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งไว้ ภิกษุก็มี ภิกษุณีก็มี พระอรหันต์เป็นได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติ ผู้หญิง ผู้หญิงมันก็มีความรู้สึกของผู้หญิง ผู้ชายก็มีความรู้สึกของผู้ชาย เวลาผู้ชายมันมีศักดิ์ศรีของมัน แต่เวลาภาวนาๆ ผู้หญิงภาวนาได้ง่ายกว่าผู้ชาย ภาวนาได้ง่ายเลย แล้วก็เสื่อมได้ง่ายด้วย แต่ผู้ชายภาวนาได้ยาก แต่ถ้าบางทีมันขึ้นไปแล้วมันก็จะขึ้นไป

แต่เวลาเป็นสมาธิแล้ว อริยสัจ มรรค ไม่มีหญิงไม่มีชาย ไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น นี่ถ้าเราทำความสงบของใจเข้ามา เอาตรงนั้นน่ะ ถ้าเอาตรงนั้นขึ้นมา เห็นไหม

แต่เวลาเราออกมาสมมุติแล้ว ออกมาสมมุติ เห็นไหม เวลาไปทางภาคอีสาน เขาเขียนป้ายไว้เลยนะ “สุภาพสตรีห้ามขึ้น สุภาพสตรีห้ามขึ้น”

สุภาพสตรีห้ามขึ้นนะ ไอ้นี่เราออกมาเป็นสมมุติแล้ว ออกมาเป็นโลกแล้ว เหมือนกฎหมาย กฎหมายบังคับใช้สิ่งใด เรายอมรับ เราไม่ต้องไปโต้แย้งมัน เรื่องสมมุติ เรื่องโลก

แต่เรื่องสัจจะความจริงในใจไม่มีหญิง ไม่มีชาย เวลาอริยสัจขึ้นมาแล้วไม่มีหญิงไม่มีชาย เราทำตรงนั้น เราเอาความจริงตรงนั้น เราเอาความจริงในหัวใจเราตรงนั้น

ถ้าคนที่เป็นธรรมๆ แล้วมันไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่ไปโต้แย้งใครทั้งสิ้น

มันเป็นวัฒนธรรมของเขานะ เป็นความเชื่อในสังคมนั้น ถ้าสังคมนั้นมีความเชื่ออย่างนั้น อ้าว! เชื่ออย่างนั้นก็ว่าอย่างนั้น แต่ใจเรา เราค้านไว้ในใจของเรา เรามีสิทธิเสรีภาพในใจของเรา

ถ้าเราทำความสงบของใจเข้ามา พอใจสงบมันยิ่งมหัศจรรย์เข้าไปใหญ่เลย โอ้โฮ! โอ้โฮ! โอ้โฮ! นั่นมันของใคร สมบัติเราทั้งสิ้นเพราะจิตมันสงบ จิตสงบมันมีความสุขนะ

คนเราแบกหามภาระมาทั้งหมดแล้วมันวางได้ คนวางได้มันปล่อยวางได้ พอปล่อยวางได้ มันไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น จิตที่เป็นสัมมาสมาธิมันเป็นหนึ่ง ไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ในปัจจุบันนี้มันพาดพิง พาดพิงหมายความว่าว่างๆ ว่างๆ ว่างๆ ก็พาดพิงที่ความว่างไง แล้วตัวมันล่ะ

เวลามันคิดมันทุกข์มันยากขึ้นมา เวลาเราทุกข์เรายากโดยมันตึงเครียดในหัวใจ เราอยากจะวางเต็มทีนะ เราไม่ต้องการเลยล่ะ แต่มันวางไม่ได้หรอก แต่เวลามันมีความสุขมันจะตะครุบมันก็จะเอาของมัน มันพาดพิง มันเกี่ยวเนื่องกัน

จิต อาการของจิต แล้วอาการของจิตมันไม่เข้าใจของมันทั้งสิ้น แต่เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเราก็ต้องเข้าไปตรงนั้นน่ะ

เครื่องยนต์ มันจะซ่อมเครื่องยนต์ตั้งแต่เครื่องยนต์มันยังติดเครื่องอยู่ไม่ได้หรอก มันต้องพยายามดับเครื่อง ถ้าเครื่องมันดับได้แล้วนะ อะไหล่สิ่งใดชำรุดทรุดโทรม เราจะแก้ไข เราจะเปลี่ยนแปลงมัน เราซ่อมของมัน

จิตใจของคนก็เหมือนกัน ถ้ามันเป็นสัมมาสมาธิแล้วมันเข้าไปเห็นใจของตน มหัศจรรย์มาก ความมหัศจรรย์มากมันตะลึงเลยล่ะ ความมหัศจรรย์มาก เวลาคนที่เป็นไปได้จริงนะ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต แล้วมันเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อย่างพวกเรานะ ภาษาเรา สาวกสาวกะบริษัท ๔ มันเศษฝุ่น ไม่ต้องไปเทียบหรอก มันเศษฝุ่น ตัวเองเอาตัวเองไม่รอดเลย แหม! จะมีความรู้ จะมีความสามารถ เป็นไปไม่ได้หรอก แต่เราศึกษาแล้วพยายามกระทำของเราขึ้นมา กระทำเพราะอะไร

กระทำเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบรรเทาความทุกข์จากพวกเรานะ

ดูลัทธิศาสนาอื่นสิ พระเจ้าของเขาจะมาโปรดปราน แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไม่ให้เชื่อใคร อย่าเป็นเหยื่อของใคร อย่าให้ใครหลอก เราจะสร้างของเราขึ้นมาเอง เวลาสร้างของเราขึ้นมาเอง ศีล สมาธิ ปัญญาสร้างขึ้นมาในใจนี้ พอในใจนี้มันเป็นขึ้นมาแล้วมันมหัศจรรย์ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอยิ่งมหัศจรรย์มันยิ่งเห็นคุณค่า เห็นคุณค่าขึ้นมาเพราะเหตุใด

๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ผู้ที่จะมีอำนาจวาสนาบารมีเข้าไปสัมผัสอย่างนั้น เขาได้สร้างบุญกุศลของเขามาขนาดไหน

ไอ้พวกเราเศษฝุ่น ไร้สาระ แค่ขอให้เอ็งทำได้ เอ็งเชื่อฟัง มันก็สุดยอดแล้ว เอ็งเชื่อฟัง เอ็งเชื่อมั่นในสิ่งนั้นน่ะ นรกสวรรค์ไม่มี มรรคผลไม่มี อะไรก็ไม่มีทั้งสิ้น แต่ถ้ากูคิดน่ะมี ถ้ากูทุกข์น่ะมี นี่มันก็เชื่อตัวมันเอง ทำไมไม่ศึกษาล่ะ ไม่ทดสอบล่ะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้เชื่อนะ ไม่ให้เชื่อแม้แต่อาจารย์ของตน ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น ให้ทดสอบสิ ทุกข์ไหม แล้วธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ้นจากทุกข์ ถ้ามันมีทุกข์มันต้องแก้ทุกข์ได้ แล้วทุกข์มันจะแก้อย่างไร นี่มันเริ่มสนใจ

แล้วถ้าสนใจมันก็เริ่มเราถวายทานของเราเพื่อบุญกุศล คำว่า บุญกุศล” หมายความว่า ให้จิตใจมันเปิดกว้าง ให้มันมีน้ำใจไง พอมีน้ำใจขึ้นมามันจะฟังคนอื่นได้ พอฟังคนอื่นได้ขึ้นมามันเกิดสติเกิดปัญญาขึ้นมา มันยิ่งเห็นเข้าไป สติปัญญา มรรค มรรคของฆราวาส อาชีพชอบ งานชอบ เพียรชอบ

แล้วพระไม่มีอาชีพ เขาว่าอย่างนั้นนะ

แต่เวลาภาวนาไปแล้ว นี่ไง จิตที่มันเป็นสัมมาสมาธิมันไม่พาดพิงอารมณ์ ถ้ามันพาดพิงอารมณ์มันเสวย เสวยคือเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีพผิด

เวลามันไปกินของที่เสียหาย ไปกินสารพิษ กินเข้าไปแล้วมันแสบปากแสบท้อง เวลามันพาดพิงสารพิษมันมีแต่ความทุกข์ความยาก ถ้ามันไปพาดพิงกับสิ่งที่ดีงาม ไปพาดพิงกับสิ่งที่ดีงามมันมีความสุขของมัน นี่ไง เวลามันพาดพิง เสวยอารมณ์ นี่สัมมาอาชีวะ

ถ้าเลี้ยงชีพผิดมันก็ทุกข์มันก็ยากอย่างนี้ ถ้าเลี้ยงชีพถูกมันก็มีความสุขอย่างนี้ นี่เวลามรรคมันเกิด สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพ จิตมันเสวยอารมณ์

คำว่า พาดพิง” ก็คือความไม่รู้เรื่อง แต่ถ้ามันจิตเห็นอาการของจิต มันจะเสวยอะไร มันจะพาดพิงสิ่งใด เขามีสติปัญญาเขาจับต้องของเขาได้ เขาเริ่มแยกแยะนะ พอมันจะเสวย ตบมือเลย ไม่เอาๆๆ ถ้ากูมีสติปัญญานะ มันทำได้ขนาดนั้น

แต่ถ้าคนไม่มีสติปัญญานะ พอมันเสวยไปแล้ว โอ้โฮ! หลงใหลไปเลย แล้วเกิดความผูกมัด เกิดความอาฆาตมาดร้าย เรามันทุกข์มันยาก คนนั้นรังแกเรา คนนี้กลั่นแกล้งเรา

ไม่ใช่หรอก มึงทำทั้งนั้นน่ะ มึงทำเอง มึงทำเอง เอ็งปล่อยก็จบ ใครจะมาว่าอะไรเราได้ มันพูดก็พูดของมันไป มันพูดอยู่ข้างนอกนู่น เอ็งไปยุ่งอะไรกับเขา เอ็งมันโง่ เอ็งไปเอาเขามาเอง แล้วเอ็งก็ไปโทษเขา เอ็งไปโทษเขาทำไม นี่ถ้ามันมีปัญญานะ

พูดแล้วมันขำ ขำถึงความโง่เขลาของเราเอง

เวลาผู้ที่ปฏิบัติไปนะ อู๋ย! ทำไมเราโง่ได้ขนาดนี้ เราโง่

ถ้าครูบาอาจารย์ของเราท่านจะพูดอย่างนี้ นี่หลวงตาท่านพูดเลย “แหม! ทำไมเราโง่ได้ขนาดนี้”

ของอย่างนี้ต้องไปถามหลวงปู่มั่น เวลาหลวงปู่มั่นสอนไปแล้ว ทำไมโง่ได้ขนาดนี้ ถ้ามันฉลาดแล้วนะ มันจะว่ามันโง่

ไอ้พวกเรานี้นักปราชญ์ทั้งนั้นเลย เก่งมาก ๙ ประโยค ธรรมะนี้แปลได้หมด แต่เอาตัวไม่รอด ยังสงสัยไปทั่วนะ พูดได้แจ่มแจ้งเลย สอนคนอื่นได้หมดเลย เพราะอะไร เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราเรียนมาแล้ว ใครสงสัยอะไรถามได้ แต่ถามตัวเอง สมาธิเป็นอย่างไร ไม่รู้ แล้วปัญญา ปัญญาก็นี่ไง กูกำลังเล่าให้เอ็งฟังอยู่นี่ไง

แต่ถ้าปัญญาเท่าทันกิเลสที่มันตบมือมัน ตบมือ ตบนั่นเสวยอารมณ์ ไม่เสวยธรรมดานะ เวลาเสวยอารมณ์ เพราะเรามีเราถึงไปเสวย ถึงที่สุดแล้วต้องทำลายตัวตนของตนเองด้วย ถึงที่สุดมันทำลายผู้ที่ไปเสวยเลย

ไอ้ที่ไปเสวยเพราะเราไปเสวยใช่ไหม เราเป็นเจ้าของใช่ไหม แล้วเวลาตัวมันเองล่ะ ทำลายตัวมันเองจนจบสิ้นไป

นี่ไง เราไปจำศีลไปวัดไปวาขึ้นมาเราก็ไปศึกษา เราจะมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหนเราก็ฝึกฝนของเรา เราพยายามทำของเราขึ้นมานะ ให้เป็นสมบัติของเรา นี่สมบัติแท้ๆ นะ สมบัติ อัตตสมบัติ สมบัติของหัวใจ สมบัติของจิต มันไปกับจิตนั้น

ดูสิ ปัญญาของเรา เวลามีปัญญาขึ้นมาไม่ต้องแบกไม่ต้องหาม ปัญญามันเกิดมาจากไหนคิดได้ร้อยแปด เวลาเป็นธรรมๆ ขึ้นมามันยิ่งอยู่กับจิตเลย

นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ของเรา วิหารธรรมๆ ท่านมีคุณธรรมในใจอันนั้น ท่านมีวิหารธรรม ท่านมีความร่มเย็นเป็นสุขไง วิมุตติสุข

ไอ้พวกเรามันขี้ครอก ไอ้พวกเศษฝุ่นปลิวไปตามกระแสสังคม เดี๋ยวก็ลมพัดไปทางนู้น เดี๋ยวก็ลมพัดไปทางนี้ อยู่ที่ลมมันจะพัดไปนะ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ไม่มีสติปัญญาเลย ไม่รู้จักคุณค่าของความเป็นมนุษย์เลย ลอยไปกับเขา ลอยไปทางซ้าย ลอยไปทางขวา แล้วแต่ลมมันจะพัดพาไป มนุษย์เป็นอย่างนั้นหรือ

นี่ไง สิ่งที่มีคุณค่าไง ถ้ามีคุณค่า ถ้าเวลาคุ้นชินกับมัน คุ้นชินจนเราไม่เห็นคุณค่ากับชีวิตของเราเลย

ใช่ เกิดมาแล้วมันชราคร่ำคร่า ถึงเวลาชราคร่ำคร่าขึ้นมามันเจ็บมันปวดทั้งนั้นน่ะ ลุกก็โอย นั่งก็โอย โอยทั้งนั้นน่ะ นี่มันชราคร่ำคร่าเป็นธรรมชาติของมัน แต่เราให้รู้เท่าทันมันก่อน แล้ววางมันซะ

เวลาครูบาอาจารย์ท่านจะละธาตุขันธ์นะ ท่านลาวัฏฏะ ลามันซะ พบกันชาติสุดท้าย แล้วเอ็งไม่ต้องมาเกิดกับกูอีกนะ กูไปของกูแล้วล่ะ

ถ้ามันรู้เท่าทัน ลามันซะ อย่าไปแบกหามแล้วก็มาโอดโอยนะ ลุกก็โอย นั่งก็โอย เจ็บปวดไปทั้งสิ้น ความวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์ไปหมดเลย วางมันไว้ให้ไปอยู่ที่เดิมของมัน แล้วเรารักษาตัวเรา เอาตัวเราพ้นจากการครอบงำของกิเลส เอวัง